ทรัมป์ เล็งเก็บภาษีสินค้านำเข้าจีนเพิ่มอีก 1 แสนล้านดอลลาร์: ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยในช่วงเย็นวันพฤหัสบดีตามเวลาสหรัฐว่า ตนได้ขอให้สำนักงานผู้แทนการค้าของสหรัฐ (USTR) พิจารณารายการสินค้านำเข้าจากจีนที่สหรัฐอาจเรียกเก็บภาษีเพิ่มอีก 1 แสนล้านดอลลาร์
ตามเวลาสหรัฐว่า ตนได้ขอให้สำนักงานผู้แทนการค้าของสหรัฐ (USTR) พิจารณารายการสินค้านำเข้าจากจีนที่สหรัฐอาจเรียกเก็บภาษีเพิ่มอีก 1 แสนล้านดอลลาร์
ปธน.สหรัฐกล่าวว่า เขาได้ขอให้นายโรเบิร์ต ไลท์ไทเซอร์ ผู้แทนการค้าของสหรัฐ พิจารณาว่าการเก็บภาษีนำเข้าอีก 1 แสนดอลลาร์นั้นเหมาะสมหรือไม่ภายใต้มาตรา 301 และหากเหมาะสม ก็ขอให้ระบุรายการสินค้าที่จะเรียกเก็บภาษีดังกล่าว
นายทรัมป์ระบุว่า ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ของเขาเป็นเพราะการตอบโต้อย่างไม่เป็นธรรมของจีนต่อการที่สหรัฐประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนวงเงิน 5 หมื่นล้านดอลลาร์
“แทนที่จะเยียวยาการกระทำอันไม่เป็นธรรมของตนเอง จีนกลับเลือกที่จะทำร้ายเกษตรกรและผู้ผลิตของเรา” ทรัมป์ระบุในแถลงการณ์
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของทรัมป์ทำให้สถานการณ์ด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่ดูเหมือนเริ่มจะคลี่คลายลงแล้ว กลับมาทวีความตึงเครียดขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่นายแลร์รี่ คุดโลว์ ที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมากล่าวเมื่อวันพุธว่า ขณะนี้สหรัฐยังไม่มีการบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีน และจีนก็ยังไม่ได้บังคับใช้มาตรการดังกล่าวกับสหรัฐเช่นกัน โดยทั้งสองประเทศมีเวลาอย่างน้อย 2 เดือนก่อนที่จะตัดสินใจบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้า
ทางด้านนายชุย เถียนไค เอกอัครราชทูตจีนประจำสหรัฐ กล่าวว่า ทางเลือกแรกของจีนควรจะเป็นการหันหน้าเจรจาการค้ากับสหรัฐ โดยจีนพร้อมที่จะเจรจาและปรึกษาหารือกับสหรัฐ
ก่อนหน้านี้ กระทรวงการคลังจีนได้เปิดเผยรายการสินค้าของสหรัฐที่จะถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าในวงเงิน 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งประกอบด้วยสินค้า 106 รายการใน 14 หมวดสินค้า รวมถึงถั่วเหลือง วิสกี้ รถยนต์ เครื่องบิน อาวุธยุทโธปกรณ์ และเคมีภัณฑ์ โดยรัฐบาลจีนจะเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐในอัตรา 25% ซึ่งเป็นอัตราเดียวกับที่สหรัฐเรียกเก็บจากจีน
โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวของจีนมีขึ้นหลังจากที่สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ได้เปิดเผยรายการสินค้าของจีนที่จะถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้า คิดเป็นวงเงินรวม 5 หมื่นล้านดอลลาร์ ด้วยเป้าหมายที่จะบีบให้จีนผ่อนปรนกฎระเบียบด้านการค้าและการลงทุน โดยให้เหตุผลว่า จีนดำเนินนโยบายการค้าและการลงทุนที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งรวมถึงการขโมยเทคโนโลยีทรัพย์สินทางปัญญา
USTR ระบุว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในอัตรา 25% จำนวน 1,300 รายการ ตั้งแต่สินค้าอุตสาหกรรมเทคโนโลยี เช่น การแพทย์ การบิน และเซมิคอนดักเตอร์ ไปจนถึงสินค้าจำพวกเครื่องจักรและเคมีภัณฑ์ นอกจากนี้ มาตรการเรียกเก็บภาษีดังกล่าวยังครอบคลุมถึงสินค้าผู้บริโภคอย่างเครื่องซักผ้า เครื่องกวาดหิมะ และมอเตอร์ไซค์
อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าวยังไม่มีผลบังคับใช้ในทันที โดยบริษัทสหรัฐจะมีเวลาจนถึงวันที่ 22 พ.ค. ในการแสดงความคิดเห็นเพื่อคัดค้านการดำเนินการดังกล่าว และทาง USTR จะเริ่มเปิดการรับฟังความเห็นจากประชาชนทั่วไปในวันที่ 15 พ.ค.
โดยจะต้องรอดูว่ามาตรการดังกล่าวมีผลบังคับใช้ทันทีหรือไม่โดยบริษัทสหรัฐจะมีเวลาจนถึงวันที่ 22 พฤษภาถึงอย่างไรก็ตามสกุลเงินดอลล่าร์มีการผันผวนเล็กน้อยโดยมีการดีดร่วงลงมา ที่ 89.96 แต่อย่างไรก็ตามยังมีการดีดตัวกลับขึ้นไป ซึ่งในการผันผวนครั้งนี้จะส่งผลให้กับทองคำ โดยตรงแต่อย่างไรก็ตาม ทองคำในตอนนี้ถึงแม้จะดีดตัวขึ้น 1332.03 แต่ก็สามารถดีดกลับลงมาได้ที่เหลือ 1327.49 ดังนั้นในการดูมาตรการต่างๆของทางสหรัฐอเมริกานั้นรอดูว่าจะมีผลบังคับใช้เมื่อไหร่ห้ามีผลบังคับใช้จริงและจีนมีมาตรการตอบโต้ในส่วนของสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนนั้น จะส่งผลโดยตรงให้กับสกุลเงินดอลล่าร์และทองคำแน่นอนจึงควรติดตามอย่างใกล้ชิดในวันนี้
Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปนัยดา ปัทมโกวิท เพิ่มเติมโดย RICH PUMTAVON